วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

การใช้ประโยชน์จากอโรมาเธอราพี

        คนโบราณนำศาสตร์แห่งกลิ่นหอมนี้มาใช้ประโยชน์ในทุกด้านของชีวิต ; ปรุงอาหาร ประทินผิว รักษาความอ่อนเยาว์ บำบัดโรค บำรุงสุขภาพ คลายความเครียด สร้างความรื่นรมย์ให้จิตใจ และ...การขัดเกลาจิต สร้างสมาธิ หรือเพิ่มพูนปรีชาญาณ รวมทั้งการบูชาเทพ

        ผู้เขียนขอจัดหมวดหมู่ง่ายๆ เป็น 4 หมวดใหญ่

หมวดแรก ความงามและดูแลผิวพรรณ 

เป็นเรื่องพื้นฐาน มองเห็นง่าย และยังใช้กันอยู่ทั่วไป ผู้เขียนเองก็ใช้ดูแลผิวพรรณและแนะนำคนรู้จักให้ลองใช้ จนติดใจกันบอกกันปากต่อปาก จนต้องทำเป็นผลิตภัณฑ์ออกมาจำหน่าย

คือเซรั่มบำรุงรอบดวงตา และเซรั่มแก้ฝ้า (ดูเพิ่มเติมที่นี่)

ภาพจากอินเดอร์เน็ต

        หมวดสอง รักษาสุขภาพทางกาย 

        ด้วยคุณสมบัติทางยา เช่น การคลายกล้ามเนื้อ ลดความเจ็บปวด การฆ่าเชื้อ ช่วยระบาย ฯลฯ น้ำมันหอมระเหยจึงช่วยเราลดอาการไม่สบายต่างๆ ตั้งแต่หัวจรดเท้า ทั้งภายนอกและภายใน โดยมีผลข้างเคียงน้อย หรือไม่มีเลย หากเราใช้อย่างถูกต้อง


ภาพจากอินเตอร์เน็ต 
การรมไอน้ำเป็นเทคนิคที่ใช้ระเหยน้ำมันหอมแก้อาการหวัด

        หมวดสาม บำบัดจิตใจและอารมณ์ 
        
        โดยเฉพาะปัญหาที่เกิดจากความเครียด น้ำมันหอมสามารถเข้าไปปรับการทำงานของต่อมไร้ท่อ การหลั่งฮอร์โมนและเอนไซน์ให้เกิดความสมดุล ส่งผลให้สภาพจิตใจและอารมณ์เรามีสภาวะที่ดีขึ้น บางกลิ่น ช่วยผ่อนคลาย ทำให้จิตใจสงบ บางกลิ่นช่วยคลายความเหนื่อยล้า เพิ่มพูนกำลังใจ บางกลิ่นลดอาการซึมเศร้า ทำให้จิตใจสดใส เป็นต้น

หมวดสี่ การใช้ในพิธีกรรมและมายาศาสตร์ 

หมวดนี้ หลายคนคงจะงงๆ ลองนึกถึงเวลาคุณจุดธูปไหว้พระ ผสมน้ำอบในน้ำเพื่อสรงน้ำพระ... นั่นละค่ะ การใช้ในทางพิธีกรรมและมายาศาสตร์ คือการใช้กลิ่นหอมในพิธีกรรมนั่นเอง

การใช้ในหมวดที่สี่นี้ เราใช้กันมาแต่โบร่ำโบราณ แต่ปัจจุบันส่วนใหญ่ลืมกันไปหมดแล้ว สมัยก่อนธูปไหว้พระ ทำจากผงไม้และสมุนไพรที่มีกลิ่นหอม เช่น ไม้จันทน์ ขลูด อบเชย ฯ เวลาจุดทำให้สมุนไพรเหล่านี้คายความหอมออกมา กลายเป็นสุคนธบูชา เวลาเดียวกัน ผู้บูชาก็ได้รับกลิ่นเหล่านี้ ทำให้จิตใจสงบ และเข้าถึงสมาธิมากขึ้น

ไม่เพียงแต่ใช้จุดให้มีกลิ่นหอม การนำมาใช้ในหมวดนี้ ได้รับการพัฒนาไปในศาสตร์ต่างๆ ทั่วโลก เช่น การปรุงกลิ่นที่เรียกกันว่า คัฟฟี เพื่อบูชาพระเทวีไอซิส การระเหยกลิ่นซีดาร์วูดเพื่อบูชาจอมเทพโอดิน การทำน้ำมันเจิมเรียกทรัพย์ในวิชาวิชท์คราฟต์ของเหล่าแม่มด การผสมสูตร Purification เพื่อชำระสถานที่ ฯลฯ

ปัจจุบันการนำน้ำมันหอมระเหยหรือศาสตร์อโรมาเธอราพีมาใช้ประโยชน์ในทางจิตวิญญาณได้พัฒนาไปมาก ในต่างประเทศ นิยมศาสตร์ที่เรียกว่า Subtle Aromatherapy ผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์เหล่านี้ ได้ประสานคุณสมบัติของน้ำมันหอมเข้ากับศาสตร์อื่นๆ เช่น การใช้น้ำมันหอมตามจักรราศี การใช้ร่วมกับวิชาสมาธิแบบต่างๆ อาทิ โยคะ ชี่กง เรกิ คริสตัลบำบัด เป็นต้น

ภาพจากอินเตอร์เน็ต


ผู้เขียนเอง ได้รับความช่วยเหลือจากคนใกล้ชิด คืออ.กิตติ วัฒนะมหาตม์ นักเทววิทยา ที่ผ่านการศึกษาเทวศาสตร์อินเดีย อาซาทรู และอียิปต์ และอยู่ในระดับที่เรียกว่า คุรุ และมาสเตอร์ ได้พัฒนาการใช้กลิ่นหอมเพื่อการบูชาเทพและมายาศาสตร์เพิ่มเติม จนได้วิธีการและสูตรขึ้นมาหลายสูตร เผยแพร่ออกสู่วงกว้าง จนมีผู้ใช้ตาม บางคนก็ถึงกับลอกเลียนอ้างว่าเป็นวิชาของตนก็มี

สุคนบูชาวิธีหนึ่งที่ผู้เขียนกับอ.กิตติ ได้พัฒนาขึ้น คือการใช้น้ำกุหลาบ (สกัดจากดอกกุหลาบแท้) ฉีดพรมแท่นบูชา ทั้งแท่นพระพุทธรูป เทพฝ่ายพุทธ เทพฝ่ายอินเดีย ตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ปรากฎว่าได้ผลดี แท่นบูชาสว่างไสว พระพุทธรูปและเทวรูปต่างๆ มีพลังเพิ่มพูนดี วิธีการนี้ เราเผยแพร่มาตั้งแต่ช่วงปีพ.ศ. 2548 และตีพิมพ์ในหนังสือคู่มือบูชาเทพ (ฉบับที่ถูกละเมิดลิขสิทธิ์อย่างมโหฬาร)


น้ำกุหลาบออแกนนิค Organic Rose Hydrosol ของ Mystica spiritual aromatherapy ขวดสเปรย์ 100 มล. สนใจสั่งซ์้อได้ที่ Line ID: Mystica4u /email : gaemnual2018@gmail.com

จนทำให้ร้านค้าในย่านซอยวัดซิกข์ ถึงกับนำเข้าน้ำกุหลาบสังเคราะห์ที่มีราคาถูกเข้ามาจำหน่าย

แต่ของสังเคราะห์ (หรือเรียกตรงๆ ว่าของปลอม) ก็ไม่ได้มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับน้ำกุหลาบออแกนนิคที่ผู้เขียนใช้อยู่ ความนิยมจึงซาๆ ลง จำกัดอยู่แต่ในหมู่ผู้ที่เข้าใจและเห็นคุณค่าของของแท้เท่านั้น เพราะน้ำกุหลาบแท้มีราคาสูง

        การใช้น้ำมันหอมในทางพิธีกรรมและจิตวิญญาณ หรือ Subtle Aromatherapy จึงเป็นศาสตร์ระดับสูงที่ลึกซึ้ง ต้องการเวลาในการทำความเข้าใจ เหมาะสำหรับผู้ที่ปรารถนาจะยกระดับปรีชาญาณของตนให้ก้าวหน้าเท่านั้น


        สำหรับผู้สนใจโดยทั่วไป ประโยชน์ของอโรมาเธอราพีในสามหมวดแรกก็ให้กำไรอย่างมหาศาลแก่คุณแล้ว

        ยิ่งหากได้ใช้ประโยชน์จากหมวดที่ 4 คุณอาจได้พบจุดเปลี่ยนแห่งโชคชะตา และสามารถโน้มนำจิตวิญญาณของคุณ ไปสู่หนทางแห่งแสงสว่างอย่างที่คุณคาดไม่ถึงทีเดียว

        ซึ่งเรามีผลิตภัณฑ์ให้คุณเลือกใช้ในทั้ง 4 หมวด และคุณสามารถดูรายการได้จาก ที่นี่

วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Welcome to the Mystery of Scent สู่โลกเร้นลับแห่งกลิ่นหอม

(ภาษาไทยโปรดดูด้านล่าง)

Did you know  among the five senses, smell is the most sensitive?


Scent is the ideal imagine forever, particularly for young ladies. It is charming, mysterious and adorable.


There are many mysteries about Scent. Aromatherapy is the one that can answer.




First of all, you have to open up your mind from familiar one to natural one. The natural scent that in first touch not sweet but when become to your part, you will begin to have fun and "play" with a variety of scents.


It is the heritage of ancient wisdom of mankind since the dawn of history. However, some knowledge had been forgotten by time.


Fortunately, in the age of globalization, Aromatherapy come closer than we are aware of it again.


Have you ever rubbed tiger balm, sniffed inhaler or eaten mint candy? Yes, they are some parts of Aromatherapy.


So welcome to the mystery of scent


Aromatherapy in the past


Aromatherapy means healing with the scent of essential oils which extracted from aromatic herbs.

Science of scent has been developed since the early age of mankind.


Photo from Internet
  

 Dating to the Egyptian civilization, and appeared in many civilizations around the world, human has discovered the benefits of aromatic herbs. It is used both fresh and dried in all aspects of life ; cooking, healing wound, skin care, mind comforting and worship god.


So human’s development makes the fragrance of these plants continues into many forms. Eventually evolve into extracted by distillation and we have the aromatic herbs in the form of essential oils.


During the 19th century was important scientifically as major constituents of essential oil become isolated and applied in various industries such as chemical, pharmaceutical, perfumery…


People had forgotten how powerful the whole natural essential oils are.


By chance, French chemist René Maurice Gattefossé discovered the healing properties of essential oil of lavender again. He had an accident and severely burned his hand. Then he dipped it into the lavender essential oil with water mistaken. He was surprised to find his pain lessend and continued to use it. His hand was completely healed.

 
lavender photo from Internet



Since then, he turned to experiments the essential oils as medicines. Then published  a book “Aromathé : les Huiles Essentielles, Hormones Végétales”

Gattefossé has been referred to as Father of Aromatherapy.




รู้หรือไม่ ในบรรดาประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของเรา กลิ่นเป็นตัวที่ไวที่สุด
       
        ความหอมเป็นความใฝ่ฝันอมตะของมนุษย์ โดยเฉพาะหญิงสาว เป็นมนต์เสน่ห์ เป็นความเร้นลับ เป็นคำถามที่ยากแก่การตอบ


ภาพจากอินเตอร์เน็ต


มีปริศนามากมายในความหอม อโรมาเธอราพีเป็นหนึ่งในศาสตร์ที่ให้คำตอบแราได้

เพียงแต่...คุณจะต้องเปิดใจต้อนรับสิ่งที่ยังไม่คุ้นเคย...กลิ่น...จากธรรมชาติ ที่ในคราแรกได้กลิ่น เราอาจไม่รู้สึกว่า หอม แต่เมื่อคุ้นชิน เราจะเริ่มสนุกและ เล่น กับกลิ่นได้อย่างหลากหลาย

        นี่เป็นมรดกทางภูมิปัญญาเก่าแก่ ที่เกิดมาคู่กับมนุษย์ แต่ความรู้นี้อาจตกหล่นไปบ้างในระหว่างกาลเวลา

        มาบัดนี้ เราโชคดีที่อยู่ในยุคโลกาภิวัตน์ อโรมาเธอราพีอยู่ใกล้ชิดกับเรามากกว่าที่เราจะรู้ตัวเสียอีก

 ลองเปิดกระเป๋าถือของคุณดูสิ นั่นไง ยาดม...ยาหม่อง... พิมเสนน้ำ หรือแม้แต่ลูกอมมินต์ พวกนี้เป็นส่วนน้อยนิดของมหัศจรรย์มหาศาลของอโรมาเธอราพี

จากนี้ เรามาร่วมเดินทางสู่โลกเร้นลับแห่งกลิ่นหอมกันเถิด


อดีตแห่งกลิ่นหอม

อโรมาเธอราพี ตามรูปศัพท์แปลว่า การรักษาบำบัดด้วยกลิ่นหอม

โดยกลิ่นหอมที่ว่านั้นได้จากน้ำมันหอมระเหยที่สกัดจากธรรมชาติ


ศาสตร์การใช้กลิ่นหอมเป็นศาสตร์เก่าแก่โบราณ ที่ถูกทำให้ลางเลือนไปในระหว่างกาลเวลา
นับย้อนไปยังอารยธรรมอียิปต์โบราณ และปรากฏในหลายอารยธรรมทั่วโลก มนุษย์เราค้นพบประโยชน์จากกลิ่นหอมของพืชสมุนไพร จึงนำมาใช้ทั้งแบบสดและแห้ง ในทุกแง่มุมของชีวิต

เราใช้ทั้งในการปรุงอาหาร รักษาบาดแผล แก้อาการป่วยไข้ เสริมความงาม เยียวยาจิตใจ และ...บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์


ด้วยเหตุนี้ มนุษย์จึงพัฒนาการสกัดกลิ่นหอมจากพืชเหล่านี้เรื่อยมา จากรูปแบบสมุนไพรสด ก็นำมาทำให้แห้ง สกัดด้วยน้ำ น้ำมัน การเผา การดอง ฯลฯ

ในที่สุดก็พัฒนาไปถึงขั้นการสกัดด้วยการกลั่น

เมื่อเข้าสู่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม เป็นยุคที่วิทยาศาสตร์ก้าวหน้าเป็นอย่างมาก และคนเริ่มแบ่งแยกความคิด และวิชาการต่างๆ ออกจากกัน น้ำมันหอมระเหยถูกจับมาแยกองค์ประกอบ เป็นสารเดี่ยว และนำไปใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การทำยา การทำน้ำหอม ในฐานะสารเคมีตัวหนึ่ง

ถึงตอนนี้ ผู้คนก็ลืมไปแล้วว่า กลิ่นหอม จากธรรมชาตินั้น มีพลังมหัศจรรย์แค่ไหน

แต่แล้วด้วยความบังเอิญ (ใครไม่รู้ กล่าวไว้ว่า ความบังเอิญ ไม่มีในโลก  ^ ^) นักเคมีชาวฝรั่งเศสชื่อ เรอเน่ โมริซ กัตเตอร์ฟอสเซ่ ก็ค้นพบคุณสมบัติในการเยียวยาแผลไฟไหม้ของน้ำมันหอมลาเวนเดอร์อีกครั้งหนึ่ง ในห้องทดลองของเขาเอง เมื่อเกิดอุบัติเหตุไฟลวกมือ แล้วเขาจุ่มมือข้างนั้นลงในน้ำมันหอมลาเวนเดอร์ด้วยความเข้าใจผิดว่าเป็นน้ำ


เรอเน่ โมริซ กัตเตอร์ฟอสเซ่ ภาพจากอินเดอร์เน็ต


ตั้งแต่นั้น เขาก็หันกลับมาค้นคว้า ทดลอง น้ำมันหอมระเหยในฐานะยารักษาโรค แล้วเขียนเป็นตำราออกมา ตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยเรียกศาสตร์นี้ว่า อโรมาเธอราพี


เขาจึงได้รับสมญาว่าเป็น บิดาแห่งอโรมาเธอราพีสมัยใหม่